BLOGs

Drowning Chain of Survival

A call to action

Drowning is a serious and neglected public health threat claiming the lives of 400.000 people a year worldwide – and still, there are no broad prevention efforts that target drowning.

RESTUBE has set itself the primary goal of raising awareness for the dangers in water. Together with like-minded people and organisations around the world we want to draw more attention on drowning because – as a matter of fact – it is a highly preventable health policy problem. By creating the safety system Restube, that provides buoyancy and visibility for yourself and others in critical situations, we are already making a decisive contribution for people at the ocean, lakes and rivers as well as swimmers and athletes. Ultimately, however, safety in the water is a collective task to which we can all contribute by sharing information and understanding the actions needed to prevent drowning.

Today we would like to introduce you to the Drowning Chain of Survival. The 5-step-plan contains key actions to prevent drowning and helps you to understand how to act effectively in the event of drowning. We also like to show you how Restube can support you in every single step. And we had the great pleasure to speak to Jonathon Webber, one of the leading figures in developing the Drowning Chain of Survival. Read the interview below.

The Latest Information on Water Safety and Drowning Prevention

For many, water is a source of joy and memory – bringing together even the unlikeliest of pairs. However, water is an element that deserves our respect and attention. Drowning is a tragedy that can happen to anyone. Unfortunately, it is fast, silent, and often not what you would expect, so it’s essential to learn the latest available water safety and drowning prevention information.

Data & Statistics on Drowning
The following data and research has been compiled over the past few years from sources such as the CDC (Centers for Disease Control), WHO (World Health Organization), and the AAP (American Academy of Pediatrics). Learning the latest drowning statistics is crucial to understanding how drowning can affect anyone and its impact on society.

General Drowning Statistics:

• Drowning is the single leading cause of death for children ages 1-4 and the second leading cause of injury-related death for children up to age 14. 
• There is an average of 4,012 unintentional drowning deaths per year.
• Drowning remains among the top four causes of death from age 54 and up.
• The U.S. experiences an average of 11 fatal drownings per day and an average of 22 non-fatal drownings per day.
• More than 40% of drownings treated in the Emergency Department require hospitalization, transfer, or further care (compared with 8% of all unintentional injuries). Outcomes of morbidity include brain damage, other serious outcomes, and long-term disability.
• Drowning costs the U.S. Economy $51.53 billion per year.
• Drowning is fast and silent. It can happen in as little as 20-60 seconds.
• Nearly 80% of drowning deaths are among males due to increased exposure to water, risk-taking behaviors, and alcohol use.
• Based on data from 2020, unintentional drowning deaths between ages 20-24 have increased by 44%, and ages 25-29 have increased by 29%.

SafeSwim! ‘น้องโฮมมี่’

เยาวชนผู้ก่อการดี สอนเด็กไม่จมน้ำ

“น้องโฮมมี่” ปรียหทัย อรุณวณิชย์พร เยาวชนวัย 16 ปี จากโรงเรียนนานาชาตินิสท์ ผู้นำทีม SafeSwim ได้รับรางวัลเยาวชนผู้ก่อการดีจาก กระทรวงสาธารณสุข จากการรวมกลุ่มน้อง ๆ จิตอาสามาสอนเด็กด้อยโอกาสและเด็กพิเศษให้เอาตัวรอดจากการจมน้ำ

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมนครรังสิตบอลรูม โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดเวทีสัมมนาป้องกันการจมน้ำ ในวันรณรงค์ป้องกันการจมน้ำโลก (World Drowning Prevention Day 2025” โดยมี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน

ภายในงานได้มีพิธีมอบรางวัลเยาวชนผู้ก่อการดีให้แก่ “น้องโฮมมี่” ปรียหทัย อรุณวณิชย์พร (Homey Preyahathai Aroonvanichporn) ตัวแทนในนามทีม SafeSwim ที่รวมกลุ่มกันสอนน้อง ๆ เด็กด้อยโอกาส และเด็กพิเศษให้เอาตัวรอดจากการจมน้ำ

“น้องโฮมมี่” ปรียหทัย อรุณวณิชย์พร กล่าวว่า “หนูเชื่อว่า ความรู้เรื่องการเอาตัวรอดจากการจมน้ำควรเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่เด็กทั่วไป แต่รวมถึงน้องๆ ที่มีข้อจำกัด เช่น ผู้บกพร่องทางการได้ยิน หรือทางร่างกาย เพราะชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากัน”

“เราทำกิจกรรมกับน้องๆ กลุ่มพิเศษตั้งแต่ปีที่แล้ว และทุกครั้งเราก็ได้เรียนรู้จากกันและกัน เราสอนเรื่องความปลอดภัยให้แก่น้องๆ น้องๆก็สอนเรากลับเรื่องการสื่อสารด้วยหัวใจ ผ่านภาษากาย ภาษามือ และรอยยิ้ม”

“หนูอยากเชิญชวนให้ทุกคนเห็นว่า ทักษะการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ คือทักษะชีวิต เหมือนการขี่จักรยาน ถ้าเรียนรู้แล้ว จะติดตัวไปตลอดชีวิต และสามารถนำมาช่วยชีวิตตัวเอง และผู้อื่นได้ และที่สำคัญ คือไม่ควรมีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เด็กทุกคนควรมีสิทธิ์เรียนรู้ ไม่ว่าจะอยู่ในเมือง หรือพื้นที่ห่างไกล หรือแม้แต่เด็กพิเศษ”

WHO Thailand supports national efforts on World Drowning Prevention Day 2025

WHO Thailand joined the Department of Disease Control, Ministry of Public Health, in commemorating World Drowning Prevention Day on 30 July 2025. The event was officially inaugurated by Mr Kittikorn Lohsoonthorn, Secretary to the Minister of Public Health, Thailand.

The event focused on raising awareness about drowning prevention and underscored the importance of collective efforts and community engagement to reduce deaths due to drowning.

Above Water:

Rethinking Drowning Prevention at All Levels

Drowning is a leading, yet largely preventable, cause of death and injury that remains underrecognized. One common myth: drowning isn’t always fatal. The definition of drowning was revised to clarify that drowning is a process, not an outcome. The outcomes of the drowning process can be death (fatal drowning) or survival with or without persisting injury such as cerebral palsy and other neurological disorders caused by a lack of oxygen to the brain (non-fatal drowning). Terms like “dry drowning”, “secondary drowning”, or “near-drowning” are often used in the media, but they’re outdated and medically inaccurate, so it’s time to stop using them.

Who drowns, and where do they drown?
Globally, the World Health Organization (WHO) estimated that 300,000 people died from drowning in 2021—that’s more than 30 people every hour. However, this figure excludes, among others, drowning deaths from flood and water transport incidents, such as boat capsize and ferry sinkings. In high income countries like Australia, including these events raises drowning rates by 40%; in low- and middle-income countries, the increase is likely even higher.

The WHO’s first Global Status Report on Drowning Prevention identifies children under five account for 24% of the global drowning, with an additional 19% occurring in children aged 5-14. Drowning rates are three times higher in low- and middle-income countries, which represent 92% of all drowning deaths. Fatal drowning rates among males are twice those of females. For young children, the highest risk areas are swimming pools and water bodies around the home, while adults face greater risk in natural waters such as rivers, lakes, dams, beaches, and oceans.

วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ช่วยคนจมน้ำ ข้อควรรู้ที่เราอาจหลงลืม

การจมน้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถคาดการณ์การได้ และเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของคนรอบข้างและตัวเราเอง การเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อช่วยชีวิตคนจมน้ำจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ควรศึกษาไว้อย่างยิ่งวันนี้เรามีวิธีป้องกันการสูญเสียจากการจมน้ำกันดีกว่าค่ะ

วิธีช่วยคนจมน้ำ
สิ่งสำคัญในการช่วยคนจมน้ำ อย่างแรกควรมีสติ อย่าผลีผลามหรือร้อนรน จากนั้นจึงค่อยใช้วิธีช่วยคนจมน้ำอย่างถูกต้อง ซึ่งมีหลักการง่าย ๆ อยู่ 4 วิธี ดังนี้
1. ยื่น
ยื่นอุปกรณ์ให้คนตกน้ำจับ เช่น เสื้อผ้า เข็มขัด ท่อนไม้ ห่วง หรือไม้ตะขอ ใช้ในกรณีที่ระยะห่างระหว่างคนช่วยกับผู้ประสบเหตุไม่ไกลกันนัก
2. โยน
อุปกรณ์อย่างห่วงยาง ถังพลาสติก ห่วงชูชีพ ยางในรถยนต์ ผู้ช่วยเหลือสามารถโยนให้ผู้ที่ตกน้ำยึดเกาะได้ โดยวิธีนี้จะมีความปลอดภัยต่อผู้ช่วยเหลือด้วย เพราะผู้ช่วยเหลือสามารถยืนอยู่บนฝั่งหรือน้ำตื้นได้ ลดความเสี่ยงตกน้ำไปด้วย
3. พาย
การใช้เรือหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ออกไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยพาหนะที่ใช้นั้นควรมีขนาดใหญ่พอสมควร ลอยน้ำได้ ไม่ชำรุด เช่น เรือพาย กระดานโต้คลื่น เรือใบ เจ็ตสกี เรือแคนู เรือกรรเชียง เรือใบ เป็นต้น ซึ่งควรจะนำอุปกรณ์ประเภทยื่นหรือใช้โยนตามข้อข้างบนติดตัวไปด้วย เพราะเมื่อเข้าใกล้คนตกน้ำแล้ว เราจะได้ส่งอุปกรณ์เหล่านี้ไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงจะตกน้ำไปด้วยอีกคน
4. ลากพา
ในกรณีที่ผู้ช่วยจำเป็นต้องลุยน้ำออกไปช่วย เราจึงจะใช้วิธีลากพาเอาผู้ประสบเหตุกลับมาขึ้นฝั่ง ซึ่งการลุยน้ำไปช่วยควรคำนึงถึงระดับน้ำ ความรุนแรงของน้ำ สถานที่ ปัจจัยแวดล้อม เช่น ต้องไม่ใช่แม่น้ำที่มีความลึกมาก กระแสน้ำแรง หรือคลื่นทะเลที่รุนแรงเกินไป รวมไปถึงผู้ช่วยก็ควรต้องนำอุปกรณ์ช่วยเหลือติดตัวไปด้วย เช่น เชือก ห่วงยาง โฟม หรือใส่เสื้อชูชีพ เพื่อจะโยนให้คนตกน้ำยึดเกาะ จากนั้นเราจึงลากเขาเข้าฝั่ง

ทั้งนี้ควรจะทิ้งระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้ประสบเหตุประมาณ 2-3 เมตร เพราะคนที่ตกน้ำอาจตื่นตระหนก จนเกาะตัวผู้ช่วยไว้แน่นหนึบ ซึ่งอาจพากันจมน้ำไปทั้งคู่ เว้นเสียแต่ผู้ประสบเหตุที่มีสติ ไม่ตื่นตระหนก สามารถว่ายน้ำได้บ้างแต่เกิดเหตุขัดข้อง กรณีนี้สามารถเข้าถึงตัวคนตกน้ำได้ และลากพาเขาขึ้นมาที่ฝั่งได้ด้วยการดึงคอเสื้อ เกี่ยวคอ หรือดึงรักแร้ข้างเดียว เป็นต้น

รวมเทคนิคเอาตัวรอดเมื่อตกเรือ ตกน้ำ

เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ตกเรือ ตกน้ำ เรือล่ม สิ่งสำคัญคุณจะต้องตั้งสติให้ได้มากที่สุด เพราะถ้ากระวนกระวายอาจทำให้คุณหมดแรง จมน้ำเร็วขึ้น หากคุณโชคดีที่ว่ายน้ำเป็น และกระเเสน้ำไม่ได้เชี่ยวแรงมาก ก็พอมีโอกาสช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ถ้าคุณว่ายน้ำไม่เป็นต้องเอาตัวรอดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

1. ตั้งสติให้ได้มากที่สุด
เป็นใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็คงสติแตกเป็นธรรมดา แต่คุณต้องตั้งสติให้ได้มากที่สุด อย่ากระวนกระวายเพราะอาจทำให้คุณเหนื่อย จมน้ำเร็ว กรณีที่มีคนอยู่ใกล้ๆ พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือทันที
2. ออกห่างจากใบพัดเรือ
ถ้าคุณพลัดตกจากเรือเช่น เรือสปีดโบ๊ท อย่าอยู่ใกล้บริเวณใบพัดเรือเพราะอาจได้รับอันตรายจากใบพัดเรือ และโดนกระแสน้ำดูดเข้าใต้ท้องเรือ รวมถึงอาจจะโดนเรือพุ่งชนได้
3. เสื้อชูชีพช่วยชีวิตได้
ถ้าคุณใส่เสื้อชูชีพอยู่แล้ว โอกาสที่จะรอดก็เป็นไปได้สูง เพราะเสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวให้เราลอยน้ำตัว ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยน้อยลง แล้วให้เราว่ายน้ำเข้าฝั่งที่ใกล้ที่สุดโดยอย่าว่ายสวนกระแสน้ำ พร้อมร้องขอความช่วยเหลือ 4. หาอะไรยึดเกาะไว้
แต่ถ้าคุณไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ พยายามมองรอบๆ ตัว แล้วหาสิ่งของหรืออะไรก็ได้ที่ช่วยพยุงตัวเองไว้ หากเราอยู่ใกล้บริเวณนั้นแล้วเห็นคนจมน้ำ ต้องรีบโยนห่วงยาง หรือเสื้อชูชีพช่วยเหลือคนจมน้ำทันที 5. ว่ายน้ำเข้าฝั่งที่ใกล้ที่สุด (ถ้าทำได้)
ถ้าคุณว่ายน้ำเป็นและฝั่งอยู่ไม่ไกลจากคุณ อย่าพยายามว่ายสวนน้ำ ให้ว่ายตามน้ำเข้าหาฝั่งที่ใกล้ที่สุด อีกทั้งเสื้อชูชีพที่คุณใส่อยู่บางอันจะมีนกหวีดติดไว้ สามารถใช้ประโยชน์ในการเป่าเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยเฉพาะในช่วงเวลาตอนกลางคืนที่มองไม่เห็น

6. หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง
กรณีที่คุณว่ายน้ำเพื่อเข้าฝั่ง หากคุณเจอผักตบลอยมาให้เราว่ายน้ำเลี่ยงเพราะสิ่งกีดขวางเหล่านี้อาจพันตัวเรา ทำให้ไม่สามารถว่ายน้ำต่อได้ จากนั้นพยายามว่ายไปถึงท่าเรือ หรือโป๊ะที่ยื่นออกมากลางแม่น้ำที่ใกล้ที่สุด

7. พยุงตัวให้ลอยตัวอยู่ในน้ำ
วิธีเอาตัวรอดฉบับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นและไม่มีคนช่วยเหลือ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือคุณจะต้องช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการลอยตัวในน้ำ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ทุกคน เพียงแค่มีสติและพยุงตัวให้ลอยน้ำเพื่อรอความช่วยเหลือ

ลอยตัวในน้ำแนวตั้ง
เริ่มจากยืนตรง ศีรษะโผล่เหนือน้ำ แล้วหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ใช้เท้าทั้ง 2 ข้างถีบน้ำลงสลับเหมือนถีบจักรยาน ขยับแขนขึ้นลง ถ้าขยับแขนไปข้างหน้าและข้างหลัง หันฝ่ามือไปในทิศทางที่ขยับแขนไป จะช่วยให้ร่างกายท่อนบนลอยอยู่เหนือน้ำ

วิธีเอาตัวรอดจากการจมน้ำ

อุบัติเหตุทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดตกเรือ ตกน้ำ หรือจมน้ำ ล้วนอันตรายทั้งสิ้น หากเราทำความเข้าใจหลักการช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น ก็จะสามารถช่วยให้เรารอดพ้นจากภาวะวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้

ทักษะการเอาตัวรอดทางน้ำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่จะต้องเดินทางทางน้ำบ้าง และจะเกิดอันตรายใดขึ้นในอนาคต กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้เผยแพร่ คู่มือประชาชนในการเตรียมตัวให้รอดปลอดภัยพิบัติ เพื่อเสริมทักษะการเอาตัวรอด วิธีป้องกัน และให้ความช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อเป็นแนวทางในการปรับใช้ ซึ่งสาระความรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ เรานำมาสรุปไว้ให้ดังนี้

1. ตั้งสติ
เมื่อเกิดอุบัติเหตุตกน้ำ สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือพยายามตั้งสติให้ได้ไวที่สุด ไม่กรีดร้องหรือตะเกียกตะกาย เพราะอาจส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บและจมน้ำไวขึ้นได้ การตั้งสติจะช่วยให้เรารู้ว่าเราจมน้ำอยู่ที่จุดไหน รอบตัวมีอะไรอันตรายอะไรบ้าง และมีสิ่งไหนจะช่วยให้เราลอยตัวอยู่เหนือน้ำได้

2. ว่ายน้ำออกจากตัวเรือให้เร็วที่สุด
หากเรือโดยสารล่ม พลัดตกเรือ หรือพลัดตกจากโป๊ะเรือ เมื่อตั้งสติได้แล้วให้พยายามว่ายน้ำออกจากเรือหรือโป๊ะให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการถูกน้ำดูดเข้าไปใต้ท้องเรือหรือใต้โป๊ะ ถอดสิ่งที่ถ่วงน้ำหนักตัวเองออกโดยเร็ว และมองหาสิ่งที่จะช่วยยึดหรือช่วยให้เราลอยตัวได้

3. อย่าฝืนว่ายน้ำเข้าฝั่ง
เพราะขณะจมน้ำเป็นการยากที่จะเดาทิศทางลมและกระแสน้ำ การฝืนว่ายน้ำเข้าหาฝั่งอาจทำให้เราหมดแรงหรือเป็นตะคริวจนส่งผลให้จมน้ำเสียชีวิตได้

4. พยายามลอยตัวเหนือผิวน้ำ
การลอยตัวเหนือผิวน้ำ คือ การพยายามให้ใบหน้าพ้นน้ำให้ได้มากที่สุด วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดคือการนอนหงาย อย่าเกร็งตัว กางแขนและขาทั้งสองข้างออก คล้ายรูปร่างปลาดาว จากนั้นใช้มือวักน้ำเบา ๆ พร้อมทั้งใช้ขาตีน้ำเบา ๆ หากกระแสน้ำแรงหรือเชี่ยวให้เปลี่ยนเป็นนอนคว่ำ ไม่เกร็งตัว และเงยหน้ามาสูดอากาศเข้าปอดเป็นครั้งคราว

3 อุปกรณ์สุดไฮเทคป้องกันการจมน้ำ พร้อมแนะวิธีเอาตัวรอดและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้น้อง Genie ก็มีเทคนิคง่ายๆในการช่วยเหลือตัวเอง หรือ ช่วยเหลือผู้อื่นขณะประสบอุบัติเหตุทางน้ำมาฝากทุกคนกันอีกเช่นเคยค่ะ แต่ก่อนจะเข้าเรื่องนั้น เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าในปีๆนึงเนี้ย มีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยแล้วปีละกี่คน ซึ่งจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำเฉลี่ยปีละ 360,000 คน ซึ่งในตัวเลขนั้น เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวนมากถึง 145,739 คน เรียกได้ว่าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีการเสียชีวิตจากการจมน้ำสูงเป็นอับดับ 2 ของโลกเลยว่าก็ได้ค่ะ

ซึ่งประเทศไทยหากนับย้อนไป 10 ปี ในช่วงพุทธศักราช 2554 - 2563 นั้นมีคนเสียชีวิตจากการจมน้ำกว่า 36,140 คน (เฉลี่ยประมาณปีละ 3,614 คน) แบ่งเป็นเด็กช่วงอายุต่ำกว่า 15 ปี 7,803 คน (เฉลี่ยประมาณปีละ 780 คน) ซึ่งถือว่าเยอะมากๆเลยนะคะ วันนี้น้อง Genie จึงได้ทำการรวบรวมวิธีเอาตัวรอด และ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อประสบอุบัติเหตุทางน้ำ พร้อมกับแนะนำอุปกรณ์ที่จะช่วยลดอันตรายเวลาที่เรากำลังเล่นน้ำอยู่นั่นเองค่ะ ตามมาดูเลยยย

วิธีเอาตัวรอด เมื่อตกเรือ เรือล่ม จมน้ำ
อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วนะคะ อุบัติเหตุไม่ว่าจะทางบก หรือ ทางน้ำนั้นไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแต่หากถึงช่วงเวลาที่คับขัน หรือมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น เช่น พลัดตกเรือ จมน้ำ หรือ เรือล่ม แน่นอนว่าบุคลลที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นควบคุมสติไม่ได้แน่นอน และด้วยความที่ไม่มีสตินั้นยิ่งจะทำให้กระวนกระวายจมน้ำได้เร็วขึ้นไปอีก แต่หากเราพยายามตั้งสติและช่วยเหลือตัวเองอาจจะทำให้เรามีโอกาสรอชีวิตสูงเช่นกัน

ซึ่งทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้ให้วิธีช่วยเหลือตัวเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ ถึงแม้ว่าเราจะว่ายน้ำไม่เป็นก็มีโอกาสรอดสูง ดังนี้ค่ะ
1.ตั้งสติ
หากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเช่นเรือล่ม หรือ มีคนตกน้ำ สิ่งที่ต้องมีเลยคือ “สติ” ไม่ตกใจ เพราะอาจจะทำให้เราจมน้ำเร็วขึ้น พยายามมองหาสิ่งที่ลอยน้ำได้เพื่อนำพาตัวเองไปเกาะไว้ หากอยู่ในสถานการณ์เรือล่มนั้น ต้องรีบออกมาจากเรือให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเราอาจจะถูกเรือดูดเข้าไปใต้ท้องเรือ และจะทำให้จมน้ำเสียชีวิต หริอ เรืออาจจะพลิกมาทับทำให้เราไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และจมน้ำในที่สุด

2.สวมเสื้อชูชีพ
เมื่อถึงเวลาไปเที่ยว หรือนั่งเรือชมวิว ส่วนใหญ่หลายท่านจะละเลยการสวมเสื้อชูชีพ ซึ่งหารู้ไหมว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเสื้อชูชีพนี่แหละค่ะ จะสามารถทำให้เราพยุงตัวอยู่ในน้ำได้นานประมาณ 3-6 ชั่วโมง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วตามเรือท่องเที่ยวนั้นจะเป็นเสื้อชูชีพแบบพยุงตัวเท่านั้น จึงจำเป็นต้องใส่ให้ถูกต้อง รัดตัวรัดทุกจุด มิเช่นนั้นเสื้อชูชีพอาจจะหลุดได้

Water and Swimming Safety: Tips to Prevent Drowning

On average, there are ten fatal drownings per day in the United States. Drownings happen in seconds and are often silent.

Drowning is a leading cause of death in children, particularly between the ages of 1 and 9 years old.

It’s also a leading cause of death in adolescents, who are more likely to overestimate their skills and underestimate a dangerous situation.

In addition, substance use can potentially become a factor during adolescence: research indicates that alcohol is a leading risk factor in drownings and two-thirds of teens have tried alcohol by 12th grade.

Where do drownings commonly occur?
87% of drowning fatalities happen in home pools or hot tubs. 23% occur during family gatherings near a pool.

Younger children are more likely to drown in swimming pools, while teens are three times more likely to drown in natural bodies of water like lakes, rivers, oceans, and ponds.

Water safety tips for all ages
Drowning is preventable – follow these tips for safe swimming:

Designate a water watcher. This individual is responsible for constant supervision of those in and around the pool or water area.

Ensure your children know how to swim! Contact your local pools or parks and recreation departments to get information on swimming lessons near you. See below for more details on free swimming lessons in Massachusetts. Always closely supervise your children, even when lifeguards are present.

Pools should be fenced and fully enclosed. Enclose kiddie pools as well and empty the pools when they are not in use.

Floats and pool toys, including inflatables, are not life-saving devices. Use a U.S. Coast Guard-approved life jacket for weaker or non-swimmers around water and pools.

Always wear a U.S. Coast Guard-approved life jacket when boating – this applies to all ages and all swimming abilities.

Learn CPR. CPR saves lives!

Keep a phone nearby to call 9-1-1 in the event of an emergency.